ฤดูใบไม้ผลิอันเงียบงัน = Silent spring

โดย ราเชล คาร์สัน ; ดิสทัต โรจนาลักษณ์, แปล

หนึ่งในหนังสือเพียงไม่กี่เล่ม ที่เปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง... ฤดูใบไม้ผลิอันเงียบงัน เป็นหนังสือที่ในวันนี้ยิ่งควรต้องอ่าน

ราเชล คาร์สัน ให้ความรู้แก่โลก... ถ้าให้เลือกว่าหนังสือที่เขียนโดยคนคนเดียวเล่มใดเป็นเสาหลักของขบวนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คนส่วนใหญ่ยอมเลือกฤดูใบไม้ผลิอันเงียบงัน อย่างไม่ต้องสงสัย ผลกระทบของหนังสือปรากฏขึ้นในทันที ส่งผลไปกว้างไกล และเสริมสร้างคุณค่าชีวิต.. เป็นหนังสือที่บรรลุผลมากที่สุดเล่มหนึ่งเท่าที่เคยมีมา

งานเขียนเล่มนี้เป็นหนังสือแห่งทศวรรษหรือศตวรรษก็ว่าได้ ที่กระตุ้นให้สาธาณชนได้ตระหนักถึงพิษภัยของสารเคมีที่ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างมากมาย หลังจากนั้ง ๑๐ ปี รัฐบาลสหรัฐอเมริกาก็ต้องประกาศไม่ให้มีการใช้สารเคมีบางตัว อาทิ ดีดีที อันเนื่องมาจากงานเขียนชิ้นนี้

เหตุที่งานเขียนของ ราเชล คาร์สัน มีพลังต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก็ด้วยผลสำคัญ ๆ สองประการคือ

ประการแรก เธอเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีความรอบรู้เป็นอย่างดี ในหนังสือเล่มนี้เธอได้ยกหลักฐานและเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาประกอบการเขียนตลอดทั้งเล่ม จึงมีความหนักแน่นในสิ่งที่กล่าวอ้างถึง

ประการที่สอง เธอสามารถเขียนเรื่องราวและข้อโต้แย้งทางวิทยาศาสตร์ด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายและใกล้ตัว คาร์สันแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งและภาพที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถึงวิถีธรรมชาติที่เต็มไปด้วยความงดงามและวงจรการฟื้นตัวต้องอาศัยเวลาเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งต่างจากวิถีอุตสาหกรรมที่กำหนดจากความต้องการอันไม่สิ้นสุด และมักตกอยู่คนจำนวนหนึ่งและความเร่งรีบในการจัดการกับธรรมชาติ ความเปราะบางของธรรมชาติและวงจรที่มีภัยคุกคามอยู่ตลอดเวลา

หนังสือเล่มหนึ่งจากหลายเล่มในนิทรรศการหนังสือแนะนำ “วันคุ้มครองโลก (22 เมษายน)” จัดแนะนำ ชั้น 1 สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดือน 0

คู่มือท่องกาแล็กซีฉบับนักโบก = The hitchhiker's guide to the galaxy

โดย Douglas Adams, เขียน ; แทนไท ประเสริฐกุล, แปล

อย่าตื่นตระหนกไป ก็แค่วันพฤหัสฯ ธรรมดาวันหนึ่งที่โลกกำลังจะแตกในสาม สอง หนึ่ง! ยินดีต้อนรับสู่กาแล็กซีอันกว้างใหญ่ไกลโพ้น ท่ามกลางจักรวาลไพศาลบานเบ้อเร่อนี้ กฎฟิสิกส์สาขาความไม่น่าจะเป็นกำลังทำงานอย่างขมีขมัน เพื่อดลบันดาลให้เกิดเรื่องอัศจรรย์ทั้งมวล "อาร์เธอร์ เดนต์" มนุษย์หน้าจืดคนเดียวที่รอดชีวิตจากอุบัติภัยโลกแตก ตกกระไดพลอยโจนร่วมขบวนท่องกาแล็กซีไปกับคู่หูมนุษย์ต่างดาวนักโบกยานอวกาศนามฟอร์ด พรีเฟกต์ ผู้ดันมาติดแหง็กบนโลกถึงสิบห้าปี พร้อมเพื่อนร่วมทางยียวนป่วนประสาทอย่างคอมพิวเตอร์จอมเจื้อยแจ้ว และหุ่นกระป๋องซึมเศร้าที่เฝ้าคร่ำครวญเรื่องชีวิต "คู่มือท่องกาแล็กซีฉบับนักโบก" ซีรีส์นิยายไซไฟคอเมดี้สุดคลาสสิกที่มียอดขาย 15 ล้านเล่มทั่วโลก เปิดตำนานการผจญภัยสุดวายป่วงที่นำไปสู่คำถามยิ่งใหญ่ระดับอภิปรัชญาแห่งชีวิต จักรวาล และสรรพสิ่ง ถ้าพร้อมหาคำตอบแล้ว ก็เก็บกระเป๋าแล้วเตรียมออกเดินทางกันเลย...อย่าลืมติดผ้าเช็ดตัวไปด้วยสักผืนล่ะ!

หนังสือเล่มหนึ่งจากหลายเล่มในนิทรรศการหนังสือแนะนำ “วันคุ้มครองโลก (22 เมษายน)” จัดแนะนำ ชั้น 1 สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดือน 0

โลกสุดขอบฟ้า = Mundo del fin del mudo

โดย หลุยส์ เซปุล์เบดา ; แปลจากภาษาสเปนโดย สถาพร ทิพยศักดิ์

เราอาจลืมไปว่าโลกกลม และเมื่อโลกกลม พื้นผิวก็เชื่อมต่อถึงกัน ยิ่งเมื่อความรู้เบื้องต้นอธิบายว่า พื้นโลกส่วนใหญ่เป็นผืนน้ำ ก็เท่ากับว่า มนุษย์ สัตว์ และพืชบนโลกนี้อาศัยน้ำจากสายและหยดเดียวกัน เราต่างดื่มน้ำด้วยกัน ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ ณ ที่ส่วนใดของโลก

บัดนี้ เราเริ่มสำนึกและตระหนักว่า ภัยพิบัติอันเกิดขึ้นในที่แห่งใดของโลกก็ตาม ย่อมกระทบถึงทุกหนแห่งบนโลกนี้

หนังสือเล่มหนึ่งจากหลายเล่มในนิทรรศการหนังสือแนะนำ “วันคุ้มครองโลก (22 เมษายน)” จัดแนะนำ ชั้น 1 สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดือน 0

กำเนิดสปีชีส์ = The origin of species by means of natural selection, or, The preservation of favored races in the struggle for life

โดย ชาร์ลส์ ดาร์วิน ; ผู้แปล: นำชัย ชีววิวรรธน์, อุบลศรี เลิศสกุลพาณิช, จันทร์เพ็ญ จันทร์เจ้า, ต่อศักดิ์ ลีลานันท์, ณัฐพล อ่อนปาน, ศศิวิมล แสวงผล, เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์

เมื่อพบฟอสซิลหอยบนยอดเขา ผู้คนต่างเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าคือผู้นำขึ้นไป แต่ดาร์วินกลับคิดว่าน่าจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ไม่ใช่อำนาจพิเศษ แม้มีข้อโต้แย้งรุนแรงในทฤษฎีว่า สิ่งมีชีวิตมี "วิวัฒนาการ" ความเปลี่ยนแปลงบนโลกดำเนินไปตามธรรมชาติที่มี "กฎ" ควบคุมด้วยความเชื่อเรื่องพระเจ้าคือผู้สร้างทุกสิ่งทรงพลังยิ่งในยุคนั้น แต่ชายชาวอังกฤษผู้นี้ก็ไม่หยุดศึกษา เขาค้นคว้า ค้นคว้า และค้นคว้า พร้อมออกเดินทางไปทุกสารทิศ จากอังกฤษถึงกาลาปาโกส เพื่อหาข้อมูลสนับสนุนสมมุติฐาน กระทั่งถ่ายทอดเป็นหนังสือเล่มนี้

ที่ผ่านมา "The Origin of Species" ได้รับการแปลมากกว่า 40 ภาษา 400 กว่าสำนวน จนถึงล่าสุดในภาคภาษาไทยชื่อ "กำเนิดสปีชีส์" หากถามว่าทำไมต้องอ่านหนังสือเล่มนี้ นอกจากชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับ ว่าคือหนังสือวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยม สร้างความสั่นสะเทือนต่อวงการวิทยาศาสตร์ ศาสนา สังคม และการเมือง คำตอบอาจเพราะผลงานชิ้นนี้แสดงถึงพลังอำนาจ ในการพยายามทำความเข้าใจธรรมชาติ ชนิดไม่ยอมจำนนต่ออำนาจพิเศษใด ๆ ที่อยู่นอกเหนือตรรกะเหตุและผล

หนังสือเล่มหนึ่งจากหลายเล่มในนิทรรศการหนังสือแนะนำ “วันคุ้มครองโลก (22 เมษายน)” จัดแนะนำ ชั้น 1 สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดือน 0

ชีววิทยาสิ่งแวดล้อม = Environmental biology

โดย ธนวรรณ พาณิชพัฒน์

ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม รวมถึงปัจจัยทางชีวภาพคือสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศและปัจจัยทางกายภาพคือ สภาพแวดล้อม การเพิ่มจํานวนประชากรอย่างรวดเร็วและกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นของมนุษย์ ทําให้มนุษย์ ต้องรุกล้ำพื้นที่ธรรมชาติและใช้ทรัพยากรอย่างมหาศาลโดยขาดความตระหนักรู้ถึงผลกระทบที่จะตามมา มีโรงงานอุตสาหกรรมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมากมาย สารมลพิษจึงถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยธรรมชาติ โรคภัยไข้เจ็บอันนํามาสู่ปัญหาสุขภาพของมนุษย์ การให้ความรู้ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมจึงมีความจําเป็นอย่างเร่งด่วน การบําบัดทางชีวภาพเป็นวิธีที่ง่ายเหมาะกับเศรษฐกิจในยุคสมัยนี้ หนังสือเล่มนี้จะสอดแทรกงานวิจัยเพื่อเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม และสร้างแรงบันดาลใจให้มนุษย์สร้างโลกที่สวยงาม และน่าอยู่ตลอดไป

หนังสือเล่มหนึ่งจากหลายเล่มในนิทรรศการหนังสือแนะนำ “วันคุ้มครองโลก (22 เมษายน)” จัดแนะนำ ชั้น 1 สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดือน 0

ฤดูใบไม้ผลิอันเงียบงัน = Silent spring

โดย ราเชล คาร์สัน ; ดิสทัต โรจนาลักษณ์, แปล

หนึ่งในหนังสือเพียงไม่กี่เล่ม ที่เปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง... ฤดูใบไม้ผลิอันเงียบงัน เป็นหนังสือที่ในวันนี้ยิ่งควรต้องอ่าน

ราเชล คาร์สัน ให้ความรู้แก่โลก... ถ้าให้เลือกว่าหนังสือที่เขียนโดยคนคนเดียวเล่มใดเป็นเสาหลักของขบวนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คนส่วนใหญ่ยอมเลือกฤดูใบไม้ผลิอันเงียบงัน อย่างไม่ต้องสงสัย ผลกระทบของหนังสือปรากฏขึ้นในทันที ส่งผลไปกว้างไกล และเสริมสร้างคุณค่าชีวิต.. เป็นหนังสือที่บรรลุผลมากที่สุดเล่มหนึ่งเท่าที่เคยมีมา

งานเขียนเล่มนี้เป็นหนังสือแห่งทศวรรษหรือศตวรรษก็ว่าได้ ที่กระตุ้นให้สาธาณชนได้ตระหนักถึงพิษภัยของสารเคมีที่ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างมากมาย หลังจากนั้ง ๑๐ ปี รัฐบาลสหรัฐอเมริกาก็ต้องประกาศไม่ให้มีการใช้สารเคมีบางตัว อาทิ ดีดีที อันเนื่องมาจากงานเขียนชิ้นนี้

เหตุที่งานเขียนของ ราเชล คาร์สัน มีพลังต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างมากก็ด้วยผลสำคัญ ๆ สองประการคือ

ประการแรก เธอเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีความรอบรู้เป็นอย่างดี ในหนังสือเล่มนี้เธอได้ยกหลักฐานและเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาประกอบการเขียนตลอดทั้งเล่ม จึงมีความหนักแน่นในสิ่งที่กล่าวอ้างถึง

ประการที่สอง เธอสามารถเขียนเรื่องราวและข้อโต้แย้งทางวิทยาศาสตร์ด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายและใกล้ตัว คาร์สันแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งและภาพที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถึงวิถีธรรมชาติที่เต็มไปด้วยความงดงามและวงจรการฟื้นตัวต้องอาศัยเวลาเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งต่างจากวิถีอุตสาหกรรมที่กำหนดจากความต้องการอันไม่สิ้นสุด และมักตกอยู่คนจำนวนหนึ่งและความเร่งรีบในการจัดการกับธรรมชาติ ความเปราะบางของธรรมชาติและวงจรที่มีภัยคุกคามอยู่ตลอดเวลา

หนังสือเล่มหนึ่งจากหลายเล่มในนิทรรศการหนังสือแนะนำ “วันคุ้มครองโลก (22 เมษายน)” จัดแนะนำ ชั้น 1 สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดือน 0

กำเนิดสปีชีส์ = The origin of species by means of natural selection, or, The preservation of favored races in the struggle for life

โดย ชาร์ลส์ ดาร์วิน ; ผู้แปล: นำชัย ชีววิวรรธน์, อุบลศรี เลิศสกุลพาณิช, จันทร์เพ็ญ จันทร์เจ้า, ต่อศักดิ์ ลีลานันท์, ณัฐพล อ่อนปาน, ศศิวิมล แสวงผล, เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์

เมื่อพบฟอสซิลหอยบนยอดเขา ผู้คนต่างเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าคือผู้นำขึ้นไป แต่ดาร์วินกลับคิดว่าน่าจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ไม่ใช่อำนาจพิเศษ แม้มีข้อโต้แย้งรุนแรงในทฤษฎีว่า สิ่งมีชีวิตมี "วิวัฒนาการ" ความเปลี่ยนแปลงบนโลกดำเนินไปตามธรรมชาติที่มี "กฎ" ควบคุมด้วยความเชื่อเรื่องพระเจ้าคือผู้สร้างทุกสิ่งทรงพลังยิ่งในยุคนั้น แต่ชายชาวอังกฤษผู้นี้ก็ไม่หยุดศึกษา เขาค้นคว้า ค้นคว้า และค้นคว้า พร้อมออกเดินทางไปทุกสารทิศ จากอังกฤษถึงกาลาปาโกส เพื่อหาข้อมูลสนับสนุนสมมุติฐาน กระทั่งถ่ายทอดเป็นหนังสือเล่มนี้

ที่ผ่านมา "The Origin of Species" ได้รับการแปลมากกว่า 40 ภาษา 400 กว่าสำนวน จนถึงล่าสุดในภาคภาษาไทยชื่อ "กำเนิดสปีชีส์" หากถามว่าทำไมต้องอ่านหนังสือเล่มนี้ นอกจากชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับ ว่าคือหนังสือวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยม สร้างความสั่นสะเทือนต่อวงการวิทยาศาสตร์ ศาสนา สังคม และการเมือง คำตอบอาจเพราะผลงานชิ้นนี้แสดงถึงพลังอำนาจ ในการพยายามทำความเข้าใจธรรมชาติ ชนิดไม่ยอมจำนนต่ออำนาจพิเศษใด ๆ ที่อยู่นอกเหนือตรรกะเหตุและผล

หนังสือเล่มหนึ่งจากหลายเล่มในนิทรรศการหนังสือแนะนำ “วันคุ้มครองโลก (22 เมษายน)” จัดแนะนำ ชั้น 1 สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดือน 0